เป็นการตรวจสุขภาพของกิจการ หรือเป็นการวิเคราะห์ศึกษาข้อมูลภายในสถานประกอบการ เพื่อค้นหาปัญหาในการดำเนินธุรกิจใน 5 ด้าน คือ
กรุณาคลิกที่หัวข้อเพื่อดูรายละเอียด
TPM (Total Productive Maintenance) หรือการบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วม
คำจำกัดความของกิจกรรม TPM ในภาพรวม โดย JIPM คือ
ประโยชน์ที่จะได้รับจากกการทำกิจกรรม TPM
กรุณาคลิกที่หัวข้อย่อยเพื่อดูรายละเอียด
TQM (Total Quality Management) คืออะไร
TQM (Total Quality Management) เป็นระบบบริหารคุณภาพที่มุ่งเน้นการให้ความสำคัญสูงสุดต่อลูกค้าภายใต้ความร่วมมือของพนักงานทั่วทั้งองค์กรที่จะปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้ TQM จึงเป็นแนวทางที่หลายองค์กรนำมาใช้ปรับปรุงงาน
ระบบ TQM เป็นระบบที่มองภาพรวมทั้งองค์กร ระบบนี้ลูกค้าจะเป็นผู้กำหนดมาตรฐานหรือความต้องการ เป็นระบบที่ปรับปรุงการวางแผน การจัดองค์กร และการทำความเข้าใจในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแต่ละบุคคลในแต่ละระดับเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ให้มีความยืดหยุ่นเพื่อที่จะสามารถแข่งขันได้ TQM เป็นระบบที่สามารถนำไปใช้ได้กับทุกองค์กร ประสิทธิภาพของการจัดองค์กรในระบบนี้ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของทุกคนในการนำองค์กรไปสู่เป้าหมาย โดยที่
Total Quality Management
วัตถุประสงค์ทั่วไปของ TQM (Total Quality Management)
วัตถุประสงค์ที่สำคัญที่สุดของ TQM (Total Quality Management)
ส่วนประกอบของ TQM (Total Quality Management)
การจัดการคุณภาพโดยรวมแนวคิดพื้นฐานของ TQM
TQM : Total Quality Management
สาระสำคัญ
ในความหมายของ ปรมาจารย์ ทางด้านคุณภาพระดับโลก Dr. Noriaki Kano TQM คือ การบริหารธุรกิจ(Business management) ที่สร้างความพึงพอใจ ความประทับใจให้กับลูกค้าผ่านทางสินค้าและบริการโดย:
หรืออีกแง่หนึ่ง ในความหมายของ Union of Japanese Scientists and Engineers :JUSE
TQM เป็นชุดกิจกรรม ที่มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ (Systematic Activities) ทั่วทั้งองค์กร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร ที่สามารถผลิตสินค้า และบริการ ตอบสนองความพึงพอใจลูกค้า ด้วยระดับของสินค้า ราคา และระยะเวลาส่งมอบที่เหมาะสม
ทั้งสองความหมาย สรุปความได้ว่า จุดมุ่งหมายขององค์กรไม่ใช่ TQM (เราไม่ได้ทำ TQM เพื่อ TQM) TQM เป็นเพียงวิธีการหรือเครื่องมือ ที่จะทำให้องค์กรบรรลุผลสำเร็จทางธุรกิจ
การสร้าง TQM ให้เกิดขึ้นในองค์กร ตามแนวทางของ Dr. Noriaki Kano ขับเคลื่อนด้วย Kano’s House
ขั้นตอนการนำ TQM มาใช้ในองค์กร
เดือน12/ปี 2016
ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำเรื่อง TQM มาค่อนชีวิตนั้น ต้องยอมรับว่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งว่า การที่ TQM นั้นเป็นที่แพร่หลายไปยังหลายๆประเทศในเอเชีย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่า มีผู้ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมคุณภาพไม่น้อยที่เข้าใจวิธีการ TQM ว่าเป็นวิธีการที่ถูกกำหนดตายตัวไปเสมือนเป็นวิธีการที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ ในความเป็นจริงนั้น มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านที่ได้พัฒนาวิจัยวิธีการใหม่ๆบนพื้นฐานทฤษฎีที่ใหม่ แต่ก็ด้วยการที่ยังไม่สามารถทำให้วิธีการใหม่ๆดังกล่าวเป็นที่แพร่หลายอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดปัญหาอย่างนี้ขึ้นมา ดังนั้นมีการจัดงานสัมมนาเพื่อส่งเสริมให้ วิธีการใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมานั้น อธิบายเสริมวิธีการ TQM ดั้งเดิมที่มีอยู่เป็นหลักสูตรAdvanced Course ซึ่งได้มีการเริ่มต้นโดย ความร่วมมือของทีมผู้เชี่ยวชาญ ยูกิฮิโระ อันโด(ที่ปรึกษาด้านการบริหาร), โนริอากิ คาโน่(Tokyo University of Science), อิชิโร โคโอซึกะ(JUSE (Union of Japanese Scientists and Engineers)), คาซึยึคิ ซูซุกิ(The University of Electro-Communications), นาคะโจ ทาเคชิ(Chuo University), มิตซูฟูจิ โยชิฮิโร(Bunka gakuen University), ยู ยามาดะ(Keio University)(ประธานคณะกรรมการ:มิตซูฟูจิ โยชิฮิโร, ที่ปรึกษา: โนริอากิ คาโน่), โดยได้ดำเนินการมาแล้วถึง 2 ปี การดำเนินการนี้ได้ถูกหยิบยกโดย JUSE (Union of Japanese Scientists and Engineers)ซึ่งจะมีการจัดสัมมนาครั้งที่หนึ่ง ในตอนปลายเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017
ประเทศญี่ปุ่นนั้น โดยปรกติแล้ว กิจกรรมทางด้านสังคมหรือวัฒนธรรม อย่างเช่น การชงชา, การจัดดอกไม้นั้น จะไม่ทำการเปลี่ยนชื่อของกิจกรรมดังกล่าว แต่จะปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้สอดคล้องตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ซึ่งแตกต่างจากประเทศในยุโรปและอเมริกา ตรงที่ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของกิจกรรมแล้วจะเปลี่ยนชื่อตามกันไปด้วย อย่างเช่นในอเมริกานั้น ในตอนต้น1980 นั้นกิจกรรมที่ถูกเรียกว่า “การควบคุมคุณภาพทางสถิติ (Statistical Quality Control) (SQC)” นั้นได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น “การควบคุมกระบวนการเชิงสถิติ (Statistical Process Control) (SPC)” ซึ่งทำให้มีผู้เข้าร่วมสัมมนาเพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนมาก . อีกทั้งมีการเปลี่ยนชื่ออย่างกระทันหันของ TQC(Total Quality Control)มาเป็น TQM(Total Quality Management)ในประเทศอเมริกา ในปี 1990 สำหรับในญี่ปุ่นนั้นกว่าจะเปลี่ยนชื่อตามอเมริกาได้นั้นต้องใช้เวลาถึงช่วงกลางทศวรรศ 1990 แต่อย่างไรก็ดี การเกิดคำย่อ (acronym) ใหม่จำนวนมากในอุตสาหกรรมด้าน ICT ในช่วงนี้นั้นทำให้ในญี่ปุ่นเองก็ไม่เกิดความรู้สึกขัดหรือไม่เป็นธรรมชาติกับคำย่อ (acronym) ใหม่ที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังเกิดแนวคิดที่ว่า หากคงรักษาไว้เพียงแค่ชื่อกิจกรรมที่เก่าไว้แล้วนั้นทำให้กิจกรรมดังกล่าวอาจถูกมองว่าเป็นกิจกรรมที่มีเนื้อหาเก่าตามไปด้วย คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สัมมนานี้ จะเป็นตัวจุดฉนวนทำให้เกิดการกระตุ้นกิจกรรมของTQM ให้เป็นที่น่าสนใจขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ได้รับรางวัล Georges Borel Award ในการประชุมประจำปี ของหน่วยงานองค์กรคุณภาพตัวแทนยุโรป(EOQ) ที่ได้จัดขึ้นที่เฮลซิกิ ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นสุดยอดรางวัลของรางวัลทางด้านคุณภาพในยุโรป การได้รับรางวัลนี้ นับเป็นจุดสำคัญทำให้ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญคนแรกของโลกที่ได้รับทั้งรางวัล รางวัลเดมมิ่ง (Deming Prize) รางวัลอันทรงเกียรติสำหรับบุคคลในด้านคุณภาพในปี 1997 กับการได้รับเสนอชื่อเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของ สมาคมคณภาพแห่งอเมริกา ASQ (ในปี 2014 โดยคาโน่ นั้นได้รับการเสนอชื่อเป็นลำดับที่ 26 นับแต่การก่อตั้งมา 67 ปี) เป็นการได้รับทั้งเกียรติคุณที่สูงที่สุดในโลกด้านคุณภาพทั้ง ญี่ปุ่น, อเมริกา และยุโรป โดย ได้รับการจัดงานเลี้ยงแสดงความยินดีโดยมีคุณมาซาฮีโระ ซากาเนะ ประธาน Union of Japanese Scientists and Engineers และที่ปรึกษาบริษัทโคมัตสุได้เป็นตัวแทนในการจัดงานเลี้ยงและมีตัวแทนสำคัญจากอุตสาหกรรมศาสตร์ 100 คนมาร่วมงานด้วย ในงานที่อบอุ่นได้รับคำชมจากหลายๆท่าน รู้สึกภูมิใจทั้งกระผมและภรรยาเป็นอย่างยิ่ง
การควบคุมคุณภาพอาจเป็นสาขาวิชาที่มีขอบข่ายที่แคบแต่ การได้รับเกียรติประวัติที่ว่าเป็นคนแรกของโลกได้นั้น เป็นเพราะว่าได้รับ ความรู้ จาก อาจารย์ คาโอรุ อิชิคาวะ และได้รับการส่งเสริม สนับสนุนจากรุ่นพี่ เพื่อนร่วมงาน อีกทั้ง บริษัททั้งในและนอกประเทศที่ได้ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติTQM และการสนับสนุนจากสต๊าฟ นักศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาตรี ทุกท่านจึงสามารถบรรลุได้ ขอแสดงความขอบคุณทุกท่านที่ได้ทำการเสนอเกียรติประวัติอันสูงส่งเหล่านี้กับข้าพเจ้า
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ผมเป็นผู้ชายที่มีความโชคดีเป็นอย่างมากจริงๆ!
โปรเจคที่ทำการเยือนทั้ง 31 มณฑลในประเทศจีนจาก「ปลายสุดด้านหนึ่งไปยังปลายสุดอีกด้านหนึ่ง」นั้นได้เริ่มต้นจากการเยือนยังเมืองคุนหมิงในมณฑลยูนนาน (เป็นมณฑลที่เยือนอันดับที่16) ในปี 2010 นับแต่นั้นก็ได้ผ่านมาแล้ว 6 ปี โดยในเดือนที่ 9 นี้จะทำการเยือนยัง 3 มณฑลในแมนจูคือ มณฑลเฮย์หลงเจียง (เยือนเป็นครั้งแรก), มณฑลจี๋หลิน(เยือนเป็นครั้งแรก), มณฑลเหลียวเหนียง(เยือนเป็นครั้งที่ 2)แล้วทำการเยือนมณฑลหูเป่ย (เยือนเป็นครั้งแรก) ซึ่งเมื่อนับจำนวณมณฑลที่ได้ไปเยือนแล้วได้ 29 มณฑล ก็จะเหลือเพียงแค่ 2 มณฑลคือ มณฑลเหอหนาน กับมณฑลซานชี
ที่พื้นที่ธรรมชาติคุ้มครองจาหลง เมืองฉีฉีฮาร์เอ่อ มณฑลเฮย์หลงเจียง นั้นได้มีโอกาสชมงานแสดงของนกระเรียนมงกุฎแดงหลายสิบตัวบินเรียงแถวพร้อมเพียงกัน ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้ทั้งผมและอากิโกะเป็นอย่างมาก
สำหรับที่เมืองต้าเหลียงนั้นได้มีโอกาสไปดูจุดที่เคยเป็นสมรภูมิสงครามระหว่างญี่ปุ่นกับรัสเซีย,ที่ราบสูง203 ในช่วงระหว่างปี1904-05 ซึ่งที่ราบสูง 203 ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงนั้น มีความเงียบสงบ แต่เมื่อได้ไปเห็น ร่องดิน, อุโมงค์และระเอียดของป้ายที่แสดงแล้ว ทำให้เห็นภาพเหตุการณ์ที่โหดร้ายของสงครามในตอนนั้น ก็รู้สึกได้ว่าไม่มีความจำเป็นต้องอยู่นานเลยรีบลงมาจากเขา
เครื่องบิน, รถถัง, เรือดำน้ำ นั้นเริ่มมีขึ้นตั้งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 (1914-18) ดังนั้นสมรภูมิดังกล่าวน่าจะเรียกได้ว่าเป็นการทำสงครามใหญ่สุดท้ายที่ใช้เฉพาะยุทธศาสตร์หลักที่จำนวนคน แต่อย่างไรก็ดีก็แปลกใจว่า ทำไม รัสเซียกับญี่ปุ่นต้องไปทำสงครามในผืนแผ่นดินจีนด้วย
อินเดียนั้นประกอบไปด้วย22 รัฐที่อยู่ที่ปลายแหลมและ 7รัฐพี่น้องด้านส่วนตะวันออกเฉียงเหนือ โดยก่อนอื่นได้ไปเยือนยังส่วน22 รัฐที่อยู่ที่ปลายแหลมก่อน โปรเจคนี้มีการเริ่มอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนที่ไปเยือนยัง Kouchi ในรัฐเกรละ (รัฐที่9 ) ในปี 2011 โดยเมื่อรวมกับการไปเยือนยัง รัฐโอริสา กับรัฐอุตตรประเทศ ที่อยู่ด้านอ่าวเบงกอลในเดือน 8 และการไปเยือนยังรัฐฉัตตีสครห์ กับ รัฐมัธยประเทศ ในเดือน11 ของปีนี้แล้วนับได้ว่าได้ไปเยือนมาแล้วทั้งหมด 19 รัฐ ก็จะคงเหลืออยู่เพียงแค่ 3 รัฐ คือ รัฐชัมมูและกัศมีร์, รัฐปัญจาบ และ รัฐสิกขิม
สำหรับรัฐ โอริสา ที่ได้กล่าวข้างต้นนั้น เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีแร่ธรรมชาติอย่างมาก แต่อีกสามรัฐที่เหลือนั้นอาจไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่นเท่าไรนัก โดยเฉพาะ รัฐฉัตตีสครห์นั้น หนังสือนำเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น「Chikyu no arukikata (วิธีการเดินบนโลก)」(ฉบับอินเดีย หัวข้อ 650)เองก็มีการกล่าวถึงโดยใส่เพียงแค่ชื่อรัฐดังกล่าวในแผนที่เท่านั้นเอง ดังนั้นก็อาจมองได้ว่าเป็นรัฐที่ถูกมองข้ามอย่างสิ้นเชิงจากบริษัทนำเที่ยวก็ว่าได้ ก่อนที่จะเดินทางไปยังรัฐนี้นั้น ได้คาดหวังว่าน่าจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่ล้อมไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์แต่พอไปเยือนแล้วก็พบว่า มีทั้งโบราณสถานของศาสนาพุทธ อีกทั้งการขับรถผ่านป่าเขาจาก เมืองหลัก Raipur ลงไปยังตอนใต้นั้นก็รู้สึกดีเป็นอย่างมาก จากที่สังเกตก็พบว่า ต้นไม้นั้นมีขนาดไม่ใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นทีประมาณ ไม่กี่สิบเซนติเมตร และอีกทั้งไม่พบเห็นการล้มต้นไม้จึงอาจบอกได้ว่าเป็นป่าที่มีการควบคุมหรือรักษาไว้ด้วยการปลูกป่า น่าจะเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ราบที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้มากมาย มากกว่าการเป็นป่าลึก ได้มีโอกาสไปเยือนแหล่งที่อยู่อาศัยขอชนเผ่าพื้นเมือง และได้เข้าไปดูในบ้านที่อยู่อาศัยก้มีความประทับใจพอสมควรที่มีการจัดของอย่างมีระเบียบ
รัฐฉัตตีสครห์มีพื้นที่135,000㎢(ประมาณไม่ถึง 40% ของพื้นที่ประเทศญี่ปุ่น), ประชากรมี 26ล้านคน(ประมาณ20% ของประชากรญี่ปุ่น), GDPต่อประชากร 1 คนอยู่ที่ประมาณ 1000 เหรียญสหรัฐ ดังนั้นจึงอาจบอกได้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ น่าจะมีการบันทึกถึง บทความท่องเทียวของรัฐนี้ใน หนังสือนำเที่ยว Chikyu no arukikata ก็เป็นได้
ในช่วงปลายเดือน 5 ภายหลังการเข้าร่วมงานประจำปีขององค์กรคุณภาพตัวแทนยุโรป(EOQ)ที่จัดขึ้นที่ เฮลซิงกิ ได้เดินทางไปผ่านเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไปยังเบราลุส ด้วยรถไฟ โดยใช้โอกาสจากการับเสนอการจัดงานสัมมนาสมาคมการบริหารด้านคุณภาพและนวัตกรรมลิทัวเนีย(LKVIA; Lithuanian Association for Quality Management and Innovation)ภายหลังจากนั้น ก็ได้เยือนสามกลุ่มประเทศบอลติก ลิทัวเนีย, ลัตเวีย และ เอสโทเนีย สามกลุ่มประเทศบอลติกเป็น กลุ่มประเทศที่ผมไม่มีความรู้ ความเข้าใจเลยแม้ทางด้านประวัติศาสตร์
ทราบเป็นอย่างดีว่า ประเทศโปแลนด์นั้นโดนนาซีรุกราน แต่เพิ่มทราบเป็นครั้งแรกตอนที่ได้มีโอกาสไปเยือนสามกลุ่มประเทศบอลติกว่า การรุกรานของนาซีนั้นครอบคลุมพื้นที่สามกลุ่มประเทศบอลติก และอีกทั้งภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้นยังถูกประเทศรัสเซียรุกราน จนเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียจนกระทั่งเป็นเอกราชในปี 1991 โดยมีผู้คนถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก และอีกทั้งยังมีคนอีกจำนวนมากที่สูญหายไปเนื่องจากถูกส่งตัวไปยังไซบีเรีย สำหรับลิทัวเนียนั้นมีคนถูกฆ่าเสียชีวิตเมื่อรวมถึงช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วมีจำนวนเกือบ 700,000 คน(Wikipedia)สำหรับประเทศที่มีประชากรเพียง 3,000,000 คนนั้น นับได้ว่าเป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวงเป็นอย่างมาก
ปี2011 60 ครั้ง, ปี2012 54 ครั้ง, ปี2013 25 ครั้ง, ปี2014 37 ครั้ง, ปี2015 56 ครั้ง
สถิติผลรวมทั้งหมดของ 54 ปีที่ผ่านมา:จำนวนครั้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ 375 ครั้ง, จำนวนประเทศที่ได้ไปเยือน 73 ประเทศ, จำนวนวัน 4,238 วัน (11 ปี +223 วัน)
[สถานที่ติดต่อ]:สำนักงานวิจัยคุณภาพคาโน่ (KQRO) เมืองทามา จังหวัดโตเกียว,
Fax: 042-373300 1-2800
โนริอากิ คาโน่, ศาสตราจารย์เกียรติคุณมหาวิทยาลัยTokyo University of Science,
e-mail: kano_n@kqro.jp
เลขา:โยโกะ โอยามะ, e-mail: oyama_y@kqro.jp
ระบบการผลิตแบบลีน คือ
ระบบการผลิตที่มุ่งเน้นให้เกิดการไหลของงานอย่างต่อเนื่อง โดยการขจัดความสูญเปล่าออกจากกระบวนการ และเพิ่มคุณค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ลูกค้าเกิดความ พึงพอใจสูงสุด โดยทั่วไปเราจะแบ่งความสูญเปล่าออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้
ประโยชน์ของการทำลีน กล่าวโดยสรุปได้ดังนี้
กรุณาคลิกที่หัวข้อย่อยเพื่อดูรายละเอียด
Quality Control Circle : QCC
เป็นการควบคุมคุณภาพด้วยกิจกรรมกลุ่มการควบคุมคุณภาพ คือ การบริหารงานด้านวัตถุดิบ ขบวนการผลิตและผลผลิต ให้ได้คุณภาพตามความต้องการของลูกค้า ผู้เกี่ยวข้องหรือข้อกำหนดตามมาตรฐานที่ตั้งไว้
ประโยชน์ที่ได้รับ
ช่วยแบ่งเบาหน้าที่งานจากหัวหน้า ทำให้หัวหน้ามีเวลาทำงานด้านอื่นเพิ่มขึ้น
ไคเซ็น คือ
การปรับปรุงให้ดีขึ้น (อย่างต่อเนื่อง) เป็นปรัชญาการทำงานและการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่น ว่าต้องทำอะไรให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา การปรับปรุงแบบไคเซ็นนี้เป็นการปรับปรุงแบบเล็กๆน้อยๆ ค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วมได้ทั้งการให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ และการลงมือกระทำให้เกิดขึ้นได้จริง
ที่มาของความคิดในการทำไคเซ็น อาจจะมาจาก
กิจกรรมไคเซ็น เป็นกิจกรรมที่ทำให้เกิดการปรับปรุงขึ้นอย่างมากมายในองค์กร ถือเป็นกิจกรรมที่ขาดเสียมิได้ ปัจจุบันมีตัวอย่างไคเซ็นดีๆจากหลายองค์กรนำเผยแพร่ออกสู่สาธารณชนมากมาย ยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับตัวพนักงานและองค์กรเป็นอย่างยิ่ง
ประโยชน์ของการทำกิจกรรมไคเซ็น
ไคเซ็นในสำนักงาน
ผมได้มีโอกาสไปบรรยายไคเซ็นในส่วนของสำนักงานบ่อยๆ การบรรยายแต่ละครั้งก็จะให้ผู้เข้าอบรมลองเขียนไคเซ็นงานของตัวเองออกมาด้วย แต่หลายครั้งพบว่าคิดกันไม่ค่อยออก ที่คิดออกเขียนได้ก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ จำพวกติดป้าย แขวนป้าย อันที่จริงการปรับปรุงเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ก็ถือเป็นไคเซ็นที่ดี แต่หากเรามองเนื้องานได้ละเอียดขึ้น ตระหนักรู้ปัญหาในการทำงานมากขึ้น สิ่งที่จะนำมาปรับปรุงก็ย่อมจะส่งผลดีต่องานของเรามากขึ้นตามไปด้วย
ความสูญเปล่าในสำนักงานนั้น แท้จริงก็มีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าส่วนการผลิตหรอกครับ เพียงแต่ความคิดยึดติดว่าต้องทำตามกฎระเบียบ (แบบเดิมๆ) ที่ปฏิบัติกันมา ยังมีอยู่มาก หรือบางครั้งอยากจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแต่ก็ต้องไปคุยกับนายหลาย ๆ คน ต้องผ่านผู้บริหารอนุมัติ และความยุ่งยากอื่นๆ (ซึ่งไม่น่าจะยุ่ง) อีกร้อยแปดพันประการ ทำให้การปรับปรุงในส่วนของสำนักงานไปได้ช้ากว่าที่ควร
ตัวอย่างความสูญเปล่าในงานสำนักงานนั้นมีอะไรบ้าง ลองมาดูกัน
ยังมีความสูญเปล่าอีกมากทั้งในส่วนของสำนักงานและฝ่ายผลิต สำหรับสำนักงานนั้นมีเครื่องมือหลายตัวที่ช่วยให้เรามองเห็นความสูญเปล่าของงานที่ทำได้ชัดเจนขึ้น ทำให้ไคเซ็นงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การใช้แผนภูมิวิเคราะห์ขั้นตอนการไหลของงานธุรการ, การใช้ Brown Paper Analysis หรือ Makigami เป็นต้น แต่อย่าไปยึดติดกับเครื่องมือให้มาก หลักการคือ ทำอย่างไรให้เรามองเห็นระบบงานที่ทำทั้งหมดแบบเข้าใจได้ง่ายๆ ตรงกันทุกคน สามารถระดมสมองเพื่อคิดไคเซ็นดีๆออกมาได้เยอะๆ ถ้าทำได้ตามนี้จะใช้วิธีไหนก็แล้วแต่ถนัดเลยครับ
5ส
เป็นห้าคำย่อของการปรับปรุการทำงานในประเทศญี่ปุ่น Seiri, Seiton, Seiso, Seiketsu และ Shitsuke หรือในภาษาไทยที่เรียกกันว่า สะสาง สะดวก สะอาด สร้างมาตรฐาน และสร้างวินัย
5ส เป็นกิจกรรมปรับปรุงการทำงานของพนักงานด้วยตนเองอย่างหนึ่งได้แก่การดำเนินการตามหลักการ สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะและสร้างนิสัย ในสถานที่ทำงานของตนเองทำให้บริษัทมีพนักงานที่มีระเบียบวินัยจากจิตสำนึกของเขาเอง ทำให้สถานที่ทำงานสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย มีความสวยงาม มีความปลอดภัย ลดความสูญเปล่าในการทำงาน คุณภาพของงานและคุณภาพสินค้าดีขึ้น
ประโยชน์ของ 5ส
5ส มีคุณค่าในการพัฒนาคนให้ปฏิบัติกิจกรรมจนเกิดเป็นนิสัยที่ดีมีวินัย อันเป็นรากฐานของระบบคุณภาพเพราะเป็นกิจกรรมที่ฝึกให้ทุกคนร่วมกันคิด ร่วมกันทำเป็นทีม ค่อยเป็นค่อยไปไม่ยุ่งยาก ไม่รู้สึกว่าการปฏิบัติงานอย่างมีระเบียบวินัยเป็นภาระเพิ่มขึ้นอีกต่อไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อองค์การดังต่อไปนี้
(1) สิ่งแวดล้อมในการทำงานดี เป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้แก่พนักงาน
(2) ลดอุบัติเหตุในการทำงาน
(3) ลดความสิ้นเปลืองในการจัดซื้อวัสดุเกินความจำเป็น
(4) ลดการสูญหายของวัสดุ เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่างๆ
(5) พื้นที่การทำงานเพิ่มขึ้นจากการขจัดวัสดุที่เกินความจำเป็นออกไป
(6) เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการทำงานมากขึ้น
(7) สถานที่ทำงานสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นกับลูกค้า
(8) พนักงานมีการทำงานร่วมกันเป็นทีมมากขึ้น
(9) สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของต่อองค์การของพนักงาน
กรุณาคลิกที่หัวข้อย่อยเพื่อดูรายละเอียด
Monodzukuri
สาระสำคัญ
Monodzukuri เป็นการผลิตในวิถีญี่ปุ่น ที่ใส่จิตวิญญาณสร้างคุณค่าการผลิต เพื่อให้มีผลิตภัณฑ์ ที่เป็นเลิศ และยังรวมถึงความสามารถการปรับปรุงอย่างตลอดเวลาของกระบวนการและระบบการผลิต
Monodzukuri เป็นการผสมผสานของคำว่า การออกแบบ (Design) ผลิตภัณฑ์ (Product) ความเชี่ยวชาญ (Expertise) เทคโนโลยี (Technology) วิทยาศาสตร์ (Science) ซึ่งถือว่าเป็นระบบ หรือเครื่องมือเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
การจะเกิด Monodzukuri อย่างแท้จริง เห็นผลเป็นรูปธรรมได้นั้น ต้องการพัฒนาบุคลากร ในแบบ Monozukuri ซึ่งจะเน้น 3 มิติของการพัฒนาคือ
การนำไปใช้กับองค์กร
มีการพัฒนาพนักงาน 4 ระดับ
ข้อมูลอยู่ในระหว่างการจัดทำ
ข้อมูลอยู่ในระหว่างการจัดทำ