การวินิจฉัยสถานประกอบการ (SHINDAN)

เป็นการตรวจสุขภาพของกิจการ หรือเป็นการวิเคราะห์ศึกษาข้อมูลภายในสถานประกอบการ เพื่อค้นหาปัญหาในการดำเนินธุรกิจใน 5 ด้าน คือ 

  1. การบริหารจัดการ
  2. การตลาด
  3. การผลิต
  4. การเงิน/บัญชี
  5. ทรัพยากรมนุษย์

ผลประโยชน์ที่ได้รับ


การให้คำปรึกษาสถานประกอบการ

กรุณาคลิกที่หัวข้อเพื่อดูรายละเอียด

TPM (Total Productive Maintenance) หรือการบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วม

คำจำกัดความของกิจกรรม TPM ในภาพรวม โดย JIPM คือ

  1. เป็นกิจกรรมที่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างองค์กรที่สร้างผลกำไรโดยแสวงหาประสิทธิภาพโดยรวมของระบบการผลิตอย่างถึงที่สุด
  2. สร้างกลไลป้องกัน loss ทุกชนิดล่วงหน้า ด้ยกิจกรรม Kaizen ที่หน้างานจริง (Genba) และของจริง (Genbutsu) โดยทำให้อุบัติเหตุเป็นศูนย์ ของเสียเป็นศูนย์และเครื่องจักรขัดข้องเป็นศูนย์ ตลอด Life Cycle ของระบบการผลิต
  3. เป็นกิจกรรมที่มีส่ววนร่วมทุกหน่วยงาน ตั้งแต่หน่วยงานการผลิต หน่วยงานวิจัยพัฒนา การตลาด และบริหารเป็นต้น
  4. ทุกคนมีส่วนร่วมตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงผู้ปฏิบัติงานหน้างาน
  5. ทำให้สามารถบรรลุความสูญเสียเป็นศูนย์ได้ ด้วยกิจกรรมกลุ่มย่อยแบบสามเหลี่ยมทับซ้อน

ประโยชน์ที่จะได้รับจากกการทำกิจกรรม TPM

  1. สร้างผลกำไรจากการลดความสูญเสีย
  2. พัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบ
  3. เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ จากการปรับปรุงของบุคลากรทุกระดับในองค์กร

Pillars of TPM


กรุณาคลิกที่หัวข้อย่อยเพื่อดูรายละเอียด

TQM (Total Quality Management) คืออะไร

TQM (Total Quality Management) เป็นระบบบริหารคุณภาพที่มุ่งเน้นการให้ความสำคัญสูงสุดต่อลูกค้าภายใต้ความร่วมมือของพนักงานทั่วทั้งองค์กรที่จะปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้ TQM จึงเป็นแนวทางที่หลายองค์กรนำมาใช้ปรับปรุงงาน
ระบบ TQM เป็นระบบที่มองภาพรวมทั้งองค์กร ระบบนี้ลูกค้าจะเป็นผู้กำหนดมาตรฐานหรือความต้องการ เป็นระบบที่ปรับปรุงการวางแผน การจัดองค์กร และการทำความเข้าใจในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแต่ละบุคคลในแต่ละระดับเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ให้มีความยืดหยุ่นเพื่อที่จะสามารถแข่งขันได้ TQM เป็นระบบที่สามารถนำไปใช้ได้กับทุกองค์กร ประสิทธิภาพของการจัดองค์กรในระบบนี้ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ของทุกคนในการนำองค์กรไปสู่เป้าหมาย โดยที่

Total Quality Management

  • Total ทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วมในการบริหารระบบคุณภาพ
  • Quality การสร้างความพึงพอใจของลูกค้าโดยใช้แนวความคิดเชิงระบบของการจัดการ
  • Management ระบบการบริหารจัดการคุณภาพ

วัตถุประสงค์ทั่วไปของ TQM (Total Quality Management)

  • เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
  • เพื่อพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่องในกิจกรรมทุกด้านและช่วยลดต้นทุน
  • เพื่อสร้างความพึงพอใจและยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงานทุกคน
  • เพื่อความอยู่รอดขององค์กรและการเจริญเติบโต
  • เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
  • เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

วัตถุประสงค์ที่สำคัญที่สุดของ TQM (Total Quality Management)

  1. เพื่อการพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้สามารถใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ ด้วยการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงงาน / คุณภาพของสินค้าหรือบริการ อันจะทำให้คุณภาพชีวิต (Quality of Life) ของพนักงานทุกคนดีขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง
  2. เพื่อการปรับปรุงคุณภาพของสินค้าหรือบริการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันจะทำให้ลูกค้าเกิดความพอใจ (Customer Satisfaction)

ส่วนประกอบของ TQM (Total Quality Management)

  1. การให้ความสำคัญกับลูกค้า (Customer Oriented)
  2. การพัฒนา/ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement)
  3. สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วม (Employees Involvement)

การจัดการคุณภาพโดยรวมแนวคิดพื้นฐานของ TQM

  1. การมีข้อผูกพันร่วมกัน และการสนับสนุนของฝ่ายบริหาร
  2. การปรับผลกระทบกับลูกค้า
  3. ประสิทธิภาพและการใช้งาน
  4. การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
  5. การให้ความสำคัญแก่ผู้ขาย
  6. การกำหนดสมรรถนะในการทำงานและกระบวนการ

TQM :   Total Quality Management

สาระสำคัญ
ในความหมายของ ปรมาจารย์ ทางด้านคุณภาพระดับโลก Dr. Noriaki Kano  TQM คือ การบริหารธุรกิจ(Business management) ที่สร้างความพึงพอใจ ความประทับใจให้กับลูกค้าผ่านทางสินค้าและบริการโดย:

  • ทำอย่างเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific)
  • ทำอย่างมีระบบ (Systematic)
  • ทำอย่างทั่วถึงทุกเรื่อง/ทั่วทั้งองค์กร  (Total)

หรืออีกแง่หนึ่ง ในความหมายของ Union of Japanese Scientists and Engineers :JUSE  

TQM เป็นชุดกิจกรรม ที่มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ (Systematic Activities)  ทั่วทั้งองค์กร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล  บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร ที่สามารถผลิตสินค้า และบริการ ตอบสนองความพึงพอใจลูกค้า ด้วยระดับของสินค้า ราคา และระยะเวลาส่งมอบที่เหมาะสม 

ทั้งสองความหมาย สรุปความได้ว่า  จุดมุ่งหมายขององค์กรไม่ใช่ TQM (เราไม่ได้ทำ TQM เพื่อ TQM) TQM เป็นเพียงวิธีการหรือเครื่องมือ ที่จะทำให้องค์กรบรรลุผลสำเร็จทางธุรกิจ

การสร้าง TQM ให้เกิดขึ้นในองค์กร ตามแนวทางของ Dr. Noriaki Kano ขับเคลื่อนด้วย Kano’s House

House of TQM
squo;s House

ขั้นตอนการนำ TQM มาใช้ในองค์กร

  1. ขั้นศึกษาและเตรียมการ
    1. กำหนดกิจกรรมด้านคุณภาพที่จะดำเนินการ
    2. เริ่มทำกิจกรรมการปรับปรุงคุณภาพ (Bottom up Activities)
  2. ขั้นเริ่มต้นกิจกรรม
    1. จัดตั้ง TQM Promotion Office วางระบบ/วิธีการ กำหนดเป้าหมายและจัดทำแผนส่งเสริม TQM
    2. ผู้บริหาร ประกาศแผนส่งเสริม TQM
    3. แต่งตั้ง TQM Committee พิจารณาแผนส่งเสริม TQM
    4. จัดให้มีการฝึกอบรมทางด้าน TQM (แบบ TQM)
    5. แต่ละหน่วยงานเริ่มกิจกรรมปรับปรุงงาน ทุกระดับ
  3. ขั้นส่งเสริมทั่วทั้งองค์กร
    1. จัดทำ Policy Deployment ที่ก่อให้เกิดการปรับปรุงงานทั่วทั้งองค์กร ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ
    2. พยายามรักษามาตรฐาน ยกระดับ (Kaizen)จากการทำกิจกรรมปรับปรุงงานโดยใช้ Daily Management
    3. ส่งเสริมการทำงานในลักษณะ Cross Functional Management Team
    4. ผู้บริหารระดับสูงตรวจประเมิน วินิจฉัย (Top Management diagnosis)  เพื่อค้นหารโอกาสในการปรับปรุง
    5. ยื่นขอ Award เพื่อยกระดับและทำให้มั่นใจว่าระบบ การบริหารคุณภาพ เช่น รางวัล Kano Quality Award
  4. ขั้นพัฒนาและยกระดับความสามารถ
    1. พัฒนาขีดความสามารถในหลักการ แนวทางของ Monodzukuri
    2. พัฒนาองค์กร เป็นองค์กรนวัตกรรม
    3. ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันทางธุรกิจขององค์กรทั้งในผลิตภัณฑ์ (Product) กระบวนการทำงาน (Process) และทางธุกิจ (Business)

เดือน12/ปี 2016

[News Letter]:มองย้อนกลับไปปี 2016 Prof.Dr. Noriaki Kano

 

การจัดตั้ง A-TQM (Advanced TQM)

ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำเรื่อง TQM มาค่อนชีวิตนั้น ต้องยอมรับว่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งว่า การที่ TQM นั้นเป็นที่แพร่หลายไปยังหลายๆประเทศในเอเชีย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่า มีผู้ที่ทำหน้าที่ในการควบคุมคุณภาพไม่น้อยที่เข้าใจวิธีการ TQM ว่าเป็นวิธีการที่ถูกกำหนดตายตัวไปเสมือนเป็นวิธีการที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ ในความเป็นจริงนั้น มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านที่ได้พัฒนาวิจัยวิธีการใหม่ๆบนพื้นฐานทฤษฎีที่ใหม่ แต่ก็ด้วยการที่ยังไม่สามารถทำให้วิธีการใหม่ๆดังกล่าวเป็นที่แพร่หลายอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดปัญหาอย่างนี้ขึ้นมา ดังนั้นมีการจัดงานสัมมนาเพื่อส่งเสริมให้ วิธีการใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมานั้น อธิบายเสริมวิธีการ TQM ดั้งเดิมที่มีอยู่เป็นหลักสูตรAdvanced Course ซึ่งได้มีการเริ่มต้นโดย ความร่วมมือของทีมผู้เชี่ยวชาญ ยูกิฮิโระ อันโดที่ปรึกษาด้านการบริหาร, โนริอากิ คาโน่Tokyo University of Science, อิชิโร โคโอซึกะJUSE (Union of Japanese Scientists and Engineers), คาซึยึคิ ซูซุกิThe University of Electro-Communications,  นาคะโจ ทาเคชิChuo University, มิตซูฟูจิ โยชิฮิโรBunka gakuen University, ยู ยามาดะKeio University)(ประธานคณะกรรมการมิตซูฟูจิ โยชิฮิโร, ที่ปรึกษา                 โนริอากิ คาโน่, โดยได้ดำเนินการมาแล้วถึง 2 ปี การดำเนินการนี้ได้ถูกหยิบยกโดย JUSE (Union of Japanese Scientists and Engineers)ซึ่งจะมีการจัดสัมมนาครั้งที่หนึ่ง ในตอนปลายเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017

ประเทศญี่ปุ่นนั้น โดยปรกติแล้ว กิจกรรมทางด้านสังคมหรือวัฒนธรรม อย่างเช่น การชงชา, การจัดดอกไม้นั้น จะไม่ทำการเปลี่ยนชื่อของกิจกรรมดังกล่าว แต่จะปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้สอดคล้องตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ซึ่งแตกต่างจากประเทศในยุโรปและอเมริกา ตรงที่ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของกิจกรรมแล้วจะเปลี่ยนชื่อตามกันไปด้วย อย่างเช่นในอเมริกานั้น ในตอนต้น1980 นั้นกิจกรรมที่ถูกเรียกว่า “การควบคุมคุณภาพทางสถิติ (Statistical Quality Control) (SQC)” นั้นได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น “การควบคุมกระบวนการเชิงสถิติ (Statistical Process Control) (SPC)” ซึ่งทำให้มีผู้เข้าร่วมสัมมนาเพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนมาก . อีกทั้งมีการเปลี่ยนชื่ออย่างกระทันหันของ TQC(Total Quality Control)มาเป็น TQM(Total Quality Management)ในประเทศอเมริกา ในปี 1990 สำหรับในญี่ปุ่นนั้นกว่าจะเปลี่ยนชื่อตามอเมริกาได้นั้นต้องใช้เวลาถึงช่วงกลางทศวรรศ 1990 แต่อย่างไรก็ดี การเกิดคำย่อ (acronym) ใหม่จำนวนมากในอุตสาหกรรมด้าน ICT ในช่วงนี้นั้นทำให้ในญี่ปุ่นเองก็ไม่เกิดความรู้สึกขัดหรือไม่เป็นธรรมชาติกับคำย่อ (acronym) ใหม่ที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังเกิดแนวคิดที่ว่า หากคงรักษาไว้เพียงแค่ชื่อกิจกรรมที่เก่าไว้แล้วนั้นทำให้กิจกรรมดังกล่าวอาจถูกมองว่าเป็นกิจกรรมที่มีเนื้อหาเก่าตามไปด้วย คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สัมมนานี้ จะเป็นตัวจุดฉนวนทำให้เกิดการกระตุ้นกิจกรรมของTQM ให้เป็นที่น่าสนใจขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

การได้รับรางวัล Georges Borel Award จากหน่วยงานองค์กรคุณภาพตัวแทนยุโรป(EOQ)การได้รับรางวัลอันทรงเกียรติทั้ง ญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป

ได้รับรางวัล Georges Borel Award  ในการประชุมประจำปี ของหน่วยงานองค์กรคุณภาพตัวแทนยุโรป(EOQ) ที่ได้จัดขึ้นที่เฮลซิกิ ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นสุดยอดรางวัลของรางวัลทางด้านคุณภาพในยุโรป การได้รับรางวัลนี้ นับเป็นจุดสำคัญทำให้ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญคนแรกของโลกที่ได้รับทั้งรางวัล รางวัลเดมมิ่ง (Deming Prize) รางวัลอันทรงเกียรติสำหรับบุคคลในด้านคุณภาพในปี 1997 กับการได้รับเสนอชื่อเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของ สมาคมคณภาพแห่งอเมริกา ASQ (ในปี 2014 โดยคาโน่ นั้นได้รับการเสนอชื่อเป็นลำดับที่ 26 นับแต่การก่อตั้งมา 67 ปี) เป็นการได้รับทั้งเกียรติคุณที่สูงที่สุดในโลกด้านคุณภาพทั้ง ญี่ปุ่น, อเมริกา และยุโรป โดย ได้รับการจัดงานเลี้ยงแสดงความยินดีโดยมีคุณมาซาฮีโระ ซากาเนะ ประธาน Union of Japanese Scientists and Engineers และที่ปรึกษาบริษัทโคมัตสุได้เป็นตัวแทนในการจัดงานเลี้ยงและมีตัวแทนสำคัญจากอุตสาหกรรมศาสตร์ 100 คนมาร่วมงานด้วย ในงานที่อบอุ่นได้รับคำชมจากหลายๆท่าน รู้สึกภูมิใจทั้งกระผมและภรรยาเป็นอย่างยิ่ง 

การควบคุมคุณภาพอาจเป็นสาขาวิชาที่มีขอบข่ายที่แคบแต่ การได้รับเกียรติประวัติที่ว่าเป็นคนแรกของโลกได้นั้น เป็นเพราะว่าได้รับ ความรู้ จาก อาจารย์ คาโอรุ อิชิคาวะ และได้รับการส่งเสริม สนับสนุนจากรุ่นพี่ เพื่อนร่วมงาน อีกทั้ง บริษัททั้งในและนอกประเทศที่ได้ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติTQM และการสนับสนุนจากสต๊าฟ นักศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาตรี ทุกท่านจึงสามารถบรรลุได้ ขอแสดงความขอบคุณทุกท่านที่ได้ทำการเสนอเกียรติประวัติอันสูงส่งเหล่านี้กับข้าพเจ้า

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ผมเป็นผู้ชายที่มีความโชคดีเป็นอย่างมากจริงๆ!

CHINA Project จากปลายด้านหนึ่งยังปลายอีกด้านหนึ่ง

โปรเจคที่ทำการเยือนทั้ง 31 มณฑลในประเทศจีนจาก「ปลายสุดด้านหนึ่งไปยังปลายสุดอีกด้านหนึ่ง」นั้นได้เริ่มต้นจากการเยือนยังเมืองคุนหมิงในมณฑลยูนนาน (เป็นมณฑลที่เยือนอันดับที่16) ในปี 2010 นับแต่นั้นก็ได้ผ่านมาแล้ว 6 ปี โดยในเดือนที่ 9 นี้จะทำการเยือนยัง 3 มณฑลในแมนจูคือ มณฑลเฮย์หลงเจียง (เยือนเป็นครั้งแรก), มณฑลจี๋หลิน(เยือนเป็นครั้งแรก), มณฑลเหลียวเหนียง(เยือนเป็นครั้งที่ 2)แล้วทำการเยือนมณฑลหูเป่ย (เยือนเป็นครั้งแรก) ซึ่งเมื่อนับจำนวณมณฑลที่ได้ไปเยือนแล้วได้ 29 มณฑล ก็จะเหลือเพียงแค่ 2 มณฑลคือ มณฑลเหอหนาน กับมณฑลซานชี

ที่พื้นที่ธรรมชาติคุ้มครองจาหลง เมืองฉีฉีฮาร์เอ่อ มณฑลเฮย์หลงเจียง นั้นได้มีโอกาสชมงานแสดงของนกระเรียนมงกุฎแดงหลายสิบตัวบินเรียงแถวพร้อมเพียงกัน ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้ทั้งผมและอากิโกะเป็นอย่างมาก

สำหรับที่เมืองต้าเหลียงนั้นได้มีโอกาสไปดูจุดที่เคยเป็นสมรภูมิสงครามระหว่างญี่ปุ่นกับรัสเซีย,ที่ราบสูง203 ในช่วงระหว่างปี1904-05 ซึ่งที่ราบสูง 203  ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงนั้น มีความเงียบสงบ แต่เมื่อได้ไปเห็น ร่องดิน, อุโมงค์และระเอียดของป้ายที่แสดงแล้ว ทำให้เห็นภาพเหตุการณ์ที่โหดร้ายของสงครามในตอนนั้น ก็รู้สึกได้ว่าไม่มีความจำเป็นต้องอยู่นานเลยรีบลงมาจากเขา

เครื่องบิน, รถถัง, เรือดำน้ำ นั้นเริ่มมีขึ้นตั้งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 (1914-18) ดังนั้นสมรภูมิดังกล่าวน่าจะเรียกได้ว่าเป็นการทำสงครามใหญ่สุดท้ายที่ใช้เฉพาะยุทธศาสตร์หลักที่จำนวนคน แต่อย่างไรก็ดีก็แปลกใจว่า ทำไม รัสเซียกับญี่ปุ่นต้องไปทำสงครามในผืนแผ่นดินจีนด้วย

INDIA Project จากปลายด้านหนึ่งยังปลายอีกด้านหนึ่ง

อินเดียนั้นประกอบไปด้วย 22 รัฐที่อยู่ที่ปลายแหลมและ 7 รัฐพี่น้องด้านส่วนตะวันออกเฉียงเหนือ

อินเดียนั้นประกอบไปด้วย22 รัฐที่อยู่ที่ปลายแหลมและ 7รัฐพี่น้องด้านส่วนตะวันออกเฉียงเหนือ โดยก่อนอื่นได้ไปเยือนยังส่วน22 รัฐที่อยู่ที่ปลายแหลมก่อน โปรเจคนี้มีการเริ่มอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนที่ไปเยือนยัง Kouchi ในรัฐเกรละ (รัฐที่9 ) ในปี 2011 โดยเมื่อรวมกับการไปเยือนยัง  รัฐโอริสา กับรัฐอุตตรประเทศ ที่อยู่ด้านอ่าวเบงกอลในเดือน 8 และการไปเยือนยังรัฐฉัตตีสครห์ กับ รัฐมัธยประเทศ ในเดือน11 ของปีนี้แล้วนับได้ว่าได้ไปเยือนมาแล้วทั้งหมด 19 รัฐ ก็จะคงเหลืออยู่เพียงแค่ 3   รัฐ คือ รัฐชัมมูและกัศมีร์, รัฐปัญจาบ และ รัฐสิกขิม

สำหรับรัฐ โอริสา ที่ได้กล่าวข้างต้นนั้น เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีแร่ธรรมชาติอย่างมาก แต่อีกสามรัฐที่เหลือนั้นอาจไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่นเท่าไรนัก โดยเฉพาะ รัฐฉัตตีสครห์นั้น หนังสือนำเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น「Chikyu no arukikata (วิธีการเดินบนโลก)」(ฉบับอินเดีย หัวข้อ 650)เองก็มีการกล่าวถึงโดยใส่เพียงแค่ชื่อรัฐดังกล่าวในแผนที่เท่านั้นเอง ดังนั้นก็อาจมองได้ว่าเป็นรัฐที่ถูกมองข้ามอย่างสิ้นเชิงจากบริษัทนำเที่ยวก็ว่าได้ ก่อนที่จะเดินทางไปยังรัฐนี้นั้น ได้คาดหวังว่าน่าจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่ล้อมไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์แต่พอไปเยือนแล้วก็พบว่า มีทั้งโบราณสถานของศาสนาพุทธ อีกทั้งการขับรถผ่านป่าเขาจาก เมืองหลัก Raipur ลงไปยังตอนใต้นั้นก็รู้สึกดีเป็นอย่างมาก จากที่สังเกตก็พบว่า ต้นไม้นั้นมีขนาดไม่ใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นทีประมาณ ไม่กี่สิบเซนติเมตร และอีกทั้งไม่พบเห็นการล้มต้นไม้จึงอาจบอกได้ว่าเป็นป่าที่มีการควบคุมหรือรักษาไว้ด้วยการปลูกป่า น่าจะเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ราบที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้มากมาย มากกว่าการเป็นป่าลึก ได้มีโอกาสไปเยือนแหล่งที่อยู่อาศัยขอชนเผ่าพื้นเมือง และได้เข้าไปดูในบ้านที่อยู่อาศัยก้มีความประทับใจพอสมควรที่มีการจัดของอย่างมีระเบียบ

รัฐฉัตตีสครห์มีพื้นที่135,000㎢(ประมาณไม่ถึง 40% ของพื้นที่ประเทศญี่ปุ่น), ประชากรมี 26ล้านคน(ประมาณ20% ของประชากรญี่ปุ่น), GDPต่อประชากร 1 คนอยู่ที่ประมาณ 1000 เหรียญสหรัฐ ดังนั้นจึงอาจบอกได้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ น่าจะมีการบันทึกถึง บทความท่องเทียวของรัฐนี้ใน หนังสือนำเที่ยว Chikyu no arukikata ก็เป็นได้

การเยือนยังสามกลุ่มประเทศบอลติก (ลิทัวเนีย, ลัตเวีย, เอสโทเนีย), รัสเซีย, ประเทศเบลารุส

ในช่วงปลายเดือน 5 ภายหลังการเข้าร่วมงานประจำปีขององค์กรคุณภาพตัวแทนยุโรป(EOQ)ที่จัดขึ้นที่ เฮลซิงกิ ได้เดินทางไปผ่านเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไปยังเบราลุส ด้วยรถไฟ โดยใช้โอกาสจากการับเสนอการจัดงานสัมมนาสมาคมการบริหารด้านคุณภาพและนวัตกรรมลิทัวเนีย(LKVIA; Lithuanian Association for Quality Management and Innovation)ภายหลังจากนั้น ก็ได้เยือนสามกลุ่มประเทศบอลติก ลิทัวเนีย, ลัตเวีย และ เอสโทเนีย สามกลุ่มประเทศบอลติกเป็น กลุ่มประเทศที่ผมไม่มีความรู้ ความเข้าใจเลยแม้ทางด้านประวัติศาสตร์

ทราบเป็นอย่างดีว่า ประเทศโปแลนด์นั้นโดนนาซีรุกราน แต่เพิ่มทราบเป็นครั้งแรกตอนที่ได้มีโอกาสไปเยือนสามกลุ่มประเทศบอลติกว่า การรุกรานของนาซีนั้นครอบคลุมพื้นที่สามกลุ่มประเทศบอลติก และอีกทั้งภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้นยังถูกประเทศรัสเซียรุกราน จนเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียจนกระทั่งเป็นเอกราชในปี 1991 โดยมีผู้คนถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก และอีกทั้งยังมีคนอีกจำนวนมากที่สูญหายไปเนื่องจากถูกส่งตัวไปยังไซบีเรีย สำหรับลิทัวเนียนั้นมีคนถูกฆ่าเสียชีวิตเมื่อรวมถึงช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วมีจำนวนเกือบ 700,000 คน(Wikipedia)สำหรับประเทศที่มีประชากรเพียง 3,000,000 คนนั้น นับได้ว่าเป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวงเป็นอย่างมาก

การบรรยายใน 2016 นั้นได้มีการบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่น 5 ครั้ง, การบรรยายเป็นภาษาจีน2 ครั้ง, การบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ 25 ครั้งรวม 32 ครั้ง

ปี2011 60 ครั้ง, ปี2012 54 ครั้ง, ปี2013 25 ครั้ง, ปี2014 37 ครั้ง, ปี2015 56 ครั้ง

การเดินทางไปทำงานยังต่างประเทศจำนวนครั้งของการเดินทาง:13 ครั้ง, จำนวนวันของการเดินทาง:135 วัน จำนวนประเทศที่ได้ไปเยือน 10 ประเทศดังต่อไปนี้:

  1. ประเทศที่ค่อนข้างมีจำนวนครั้งในการเยือนที่สูง:อินเดีย (4 ครั้ง), ใต้หวัน (3 ครั้ง), จีน(6 ครั้ง), ไทย (2ครั้ง),
  2. ประเทศที่มีการเยือนเป็นบางครั้ง:รัสเซีย(2 ครั้ง), ฟินแลนด์, เอสโทเนีย
  3. ประทศที่ได้ไปเยือนเป็นครั้งแรก:เบราลุส, ลิทัวเนีย, ลัตเวีย

สถิติผลรวมทั้งหมดของ 54 ปีที่ผ่านมา:จำนวนครั้งการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ 375 ครั้ง, จำนวนประเทศที่ได้ไปเยือน 73 ประเทศ, จำนวนวัน 4,238 วัน (11 ปี +223 วัน)

[สถานที่ติดต่อ]:สำนักงานวิจัยคุณภาพคาโน่ (KQRO) เมืองทามา จังหวัดโตเกียว,
Fax: 042-373300 1-2800 

โนริอากิ คาโน่, ศาสตราจารย์เกียรติคุณมหาวิทยาลัยTokyo University of Science,
e-mail: kano_n@kqro.jp
เลขา:โยโกะ โอยามะ,  e-mail: oyama_y@kqro.jp

ระบบการผลิตแบบลีน  คือ

ระบบการผลิตที่มุ่งเน้นให้เกิดการไหลของงานอย่างต่อเนื่อง โดยการขจัดความสูญเปล่าออกจากกระบวนการ และเพิ่มคุณค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ลูกค้าเกิดความ     พึงพอใจสูงสุด  โดยทั่วไปเราจะแบ่งความสูญเปล่าออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้    

  1. Defect :  ตำหนิหรือข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นบนผลิตภัณฑ์
  2. Over Production :  การผลิตมากเกินความจำเป็น
  3. Waiting :  การรอคอย
  4. Not Utilized Employee : การไม่ใช้ประโยชน์จากตัวพนักงานอย่างเต็มที่
  5. Transportation : การเคลื่อนย้าย ขนย้าย
  6. Inventory :  สินค้าคงคลัง
  7. Motion : การเคลื่อนไหว
  8. Excess Processing : กระบวนการที่มากเกินจำเป็น

ประโยชน์ของการทำลีน กล่าวโดยสรุปได้ดังนี้

  1. ทำให้กระบวนการผลิตมีความยืดหยุ่น สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
  2. ทำให้สินค้าคงคลังมีจำนวนลดลง  การไหลของงานดีขึ้น  ส่งผลให้ระยะเวลานำ (Lead Time)       ในการผลิตและการส่งมอบลดลง สามารถตอบสนองทั้งด้านปริมาณและเวลาที่ลูกค้าต้องการได้อย่างรวดเร็ว
  3. ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจให้ดีขึ้น
  4. เพิ่มมุมมองและความสามารถของบุคลากรในการแก้ไขปัญหาและการปรับปรุงงาน

กรุณาคลิกที่หัวข้อย่อยเพื่อดูรายละเอียด

5ส

ระบบหรือกิจกรรมสำหรับการ “ควบคุม” และ “ปรับปรุง” สภาพพื้นที่ สภาพแวดล้อม และวิธีทำงานของพนักงานในองค์กรด้วยตนเองอย่างหนึ่ง ผ่านการดำเนินการ 5 ด้าน ได้แก่

(1) สะสาง (2) สะดวก (3) สะอาด (4) สร้างมาตรฐาน และ (5) สร้างวินัย

การทำ "5ส" ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานประจำ ซึ่งมีคุณค่าในการพัฒนาบุคลากรให้เกิดวินัยที่ดี อันเป็นรากฐานของการพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัย และส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีอีกมาก เช่น

  • ผลิตภาพการทำงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผลิตภาพด้านแรงงาน
  • ความสูญเปล่าต่าง ๆ ลดลง จากการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสะอาดของทุกพื้นที่ ฯลฯ และอื่น ๆ

การให้บริการของสมาคมฯ (ส่วนของการให้คำปรึกษา)

  1. ให้คำปรึกษาด้านการสร้างระบบ 5ส และการประยุกต์ใช้หลักการและเครื่องมือ 5ส
    จำนวนวัน : 8 - 12 วัน
    ประโยชน์ที่จะได้รับ
    • เข้าใจแนวคิดและหลักการของ 5ส สามารถยกระดับประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้น พร้อมได้รับความรู้อื่นๆที่จำเป็น
    • ยกระดับจิตสำนึกความมีวินัย และปลูกฝังการทำ 5ส ให้เป็นส่วนหนึ่งของงานประจำ
    • พื้นที่ทำงานได้รับการปรับปรุงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด มีสภาพแวดล้อมที่ดี มีมาตรฐาน และลดต้นทุน โดยใช้หลักการ 5ส เป็นแนวทาง
    • ได้ "ระบบ 5ส " อย่างเป็นทางการ มีการขับเคลื่อนที่ดีที่จะทำให้เกิดประสิทธิผลต่อนโยบายและเป้าหมายขององค์กร
  2. ให้บริการตรวจประเมินพื้นที่และระบบ 5ส
    จำนวนวัน : 1 - 2 วัน
    ประโยชน์ที่จะได้รับ
    • ทราบระดับความมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ (จากผลคะแนนการตรวจ) ของระบบ 5ส ที่องค์กรท่านดำเนินการอยู่
    • ได้รับคำแนะนำสำหรับการดำเนินงานระบบ 5ส และการประยุกต์ใช้หลักการและเครื่องมือ 5ส ที่ถูกต้องและได้ผล
    • ได้รับการกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศที่ดีและจิตสำนึก 5ส ที่มากขึ้น
    *องค์กรจะได้รับรายงานการตรวจประเมินพื้นที่ 5ส พร้อมคำแนะนำ
  3. ให้บริการเฉพาะตามความต้องการของแต่ละองค์กร
    จำนวนวัน : ระบุหลังจาก Fact Finding

ทีมที่ปรึกษา : ที่ปรึกษาจากสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น)
ค่าใช้จ่าย : 20,000 - 25,000 บาท / man-day


ไคเซ็น

ไคเซ็น หมายถึง "การปรับปรุงให้ดีขึ้น (อย่างต่อเนื่อง)" เป็นปรัชญาการทำงานและการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่น ว่าต้องทำอะไรให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา การปรับปรุงแบบไคเซ็นเป็นการปรับปรุงแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งทุกคนในองค์กรสามารถมีส่วนร่วมได้ ทั้งการให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ต่อด้วยการลงมือปฏิบัติให้เกิดขึ้นได้จริง

การทำ "ไคเซ็น" ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานประจำเช่นเดียวกับ 5ส ซึ่งมีคุณค่าในการพัฒนาความสามารถของบุคลากรจากการได้ฝึกมองหาปัญหา-ความสูญเปล่า การได้คิด และการได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง และส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีอีกมาก เช่น

  • พนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น เนื่องจากทำงานได้สะดวกขึ้น ง่ายขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น เป็นต้น
  • ค่าใช้จ่ายและต้นทุนที่ไม่จำเป็นต่าง ๆ ลดลง เช่น ต้นทุนจากการเกิดของเสีย ต้นทุนด้านพลังงาน แรงงาน วัตถุดิบและวัสดุ ฯลฯ

"กิจกรรมไคเซ็น" เป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดผลงานการปรับปรุงขึ้นอย่างมากมายภายในองค์กร ถือเป็นกิจกรรมที่จะขาดเสียมิได้ ปัจจุบันมีตัวอย่างไคเซ็นดี ๆ จากหลากหลายองค์กรนำเผยแพร่ออกสู่สาธารณชน ยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ตัวพนักงานและองค์กรเป็นอย่างยิ่ง

การให้บริการของสมาคมฯ (ส่วนของการให้คำปรึกษา)

  1. ให้คำปรึกษาด้านการสร้างระบบไคเซ็น และการประยุกต์ใช้หลักการและเครื่องมือของไคเซ็น
    จำนวนวัน : 6 - 10 วัน
    ประโยชน์ที่จะได้รับ
    • เข้าใจความสำคัญและหลักการของไคเซ็น ในระดับที่จะสามารถขจัดความสูญเปล่า และยกระดับประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้นได้ พร้อมได้รับความรู้อื่น ๆ ที่จำเป็น
    • ได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากการบรรลุเป้าหมายของแต่ละผลงานไคเซ็น
    • ได้ "กิจกรรมการปรับปรุงงาน " ที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคนอย่างเป็นระบบ มีการขับเคลื่อนที่ดีที่จะทำให้เกิดประสิทธิผลต่อนโยบายและเป้าหมายขององค์กร
  2. ให้บริการเฉพาะตามความต้องการของแต่ละองค์กร
    จำนวนวัน : ระบุหลังจาก Fact Finding

ทีมที่ปรึกษา : ที่ปรึกษาจากสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น)
ค่าใช้จ่าย : 25,000 บาท / man-day


QC Circle

กิจกรรม QC Circle หรือ QCC เป็นกิจกรรมสำหรับการพัฒนาบุคลากรให้มีความคิดเชิงตรรกะในการแก้ไขปัญหา (หรือพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม) ผ่านการใช้ข้อมูลที่เป็นจริง พร้อมมีเหตุและผลที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยดำเนินการตามขั้นตอนที่ร้อยเรียงอย่างเป็นระบบ เรียกว่า "QC Story" และใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ที่จำเป็น เช่น 7 QC Tools

หลายองค์กรได้มีการจัดตั้งกลุ่มย่อยเพื่อทำการแก้ไขและปรับปรุงคุณภาพการทำงานในรูปแบบของ Problem Solving ซึ่งก็แก้ไขได้สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง และบางกลุ่มก็นำเรื่องที่ทราบสาเหตุแล้วมาทำกิจกรรมซึ่งไม่ถูกต้อง

การส่งเสริมกิจกรรม "QCC" ให้ดำเนินไปอย่างมีชีวิตชีวาและทั่วถึงทั้งองค์กร นอกจากจะเป็นการพัฒนาบุคลากรด้านการคิดวิเคราะห์แล้ว ยังส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีอีกมาก เช่น

  • พนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น เนื่องจากปัญหาสำคัญ ๆ จากการทำงานลดลง
  • คุณภาพ ต้นทุน การส่งมอบ ผลิตภาพการทำงาน และอาจรวมไปถึงความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ดีขึ้น

การให้บริการของสมาคมฯ (ส่วนของการให้คำปรึกษา)

  1. ให้คำปรึกษาด้านการสร้างระบบ QC Circle และดำเนินการจริง (จัดกลุ่มลงมือปฏิบัติจริง)
    จำนวนวัน : 8 - 10 วัน
    ประโยชน์ที่จะได้รับ
    • มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถแก้ไขปัญหาและพัฒนางานได้บรรลุเป้าหมาย ผ่านขั้นตอนตาม QC Story และการประยุกต์ใช้เครื่องมือ QC ที่จำเป็น และหลังจากจบโครงการแล้วก็สามารถนำความรู้ไปดำเนินการปรับปรุงงานในเรื่องอื่น ๆ ต่อไปได้อย่างมีประสิทธิผล
    • ได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากการบรรลุเป้าหมายของผลงานของแต่ละกลุ่มกิจกรรม
    • สร้างการคิดที่เป็นระบบ คิดตามหลักวิทยาศาสตร์ มีเหตุมีผล ให้แก่สมาชิกกลุ่มกิจกรรมกลุ่มย่อย รวมทั้งเสริมสร้างการทำงานเป็นทีมและสัมพันธภาพที่ดีในการทำงาน
  2. ให้บริการสร้างที่ปรึกษากิจกรรมกลุ่มย่อย (QCC Advisor) ประจำองค์กร
    จำนวนวัน : 8 - 10 วัน
    ประโยชน์ที่จะได้รับ
    • ได้ที่ปรึกษากิจกรรมกลุ่มย่อยประจำองค์กรที่มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถให้คำแนะนำต่าง ๆ เพื่อให้ผลงานของกลุ่มบรรลุเป้าหมายได้
    • ที่ปรึกษากิจกรรมกลุ่มย่อยมีความสามารถในการจูงใจ และให้คำปรึกษาแนะนำ รวมทั้งสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างทำกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • ที่ปรึกษากิจกรรมกลุ่มย่อยมีความสามารถในการบริหารกิจกรรม QCC ในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ และวางแนวทางเพื่อยกระดับความสามารถของกลุ่มกิจกรรมได้อย่างเป็นระบบ
  3. ให้บริการเฉพาะตามความต้องการของแต่ละองค์กร
    จำนวนวัน : ระบุหลังจาก Fact Finding

ทีมที่ปรึกษา : ที่ปรึกษาจากสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น)
ค่าใช้จ่าย : 25,000 บาท / man-day



กรุณาคลิกที่หัวข้อย่อยเพื่อดูรายละเอียด

Monodzukuri

สาระสำคัญ

Monodzukuri เป็นการผลิตในวิถีญี่ปุ่น ที่ใส่จิตวิญญาณสร้างคุณค่าการผลิต เพื่อให้มีผลิตภัณฑ์ ที่เป็นเลิศ  และยังรวมถึงความสามารถการปรับปรุงอย่างตลอดเวลาของกระบวนการและระบบการผลิต

Monodzukuri เป็นการผสมผสานของคำว่า การออกแบบ (Design) ผลิตภัณฑ์ (Product) ความเชี่ยวชาญ (Expertise) เทคโนโลยี (Technology)  วิทยาศาสตร์ (Science) ซึ่งถือว่าเป็นระบบ หรือเครื่องมือเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

การจะเกิด Monodzukuri อย่างแท้จริง เห็นผลเป็นรูปธรรมได้นั้น ต้องการพัฒนาบุคลากร ในแบบ Monozukuri  ซึ่งจะเน้น 3 มิติของการพัฒนาคือ

  • ทางด้านทักษะ คือ การปฏิบัติงาน หรือความสามารถทางเทคนิค... เทคนิค   และทักษะ  ระดับสูง  ซึ่งต้องมีเทคนิค และทักษะ ในระดับที่สูง ใช้ประโยชน์ใน Monodzukuri
  •  ร่างกาย คือ บทบาทหน้าทื่  ...การแก้ไขปัญหา   ซึ่งเป็นความร่วมมือกับคนรอบข้าง ทำการแก้ไขปัญหา ที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน
  • และหัวใจ คือ ความตระหนัก...จิตสำนึก Kaizen  โดยแสดงถึงไม่พึงพอใจกับสภาพปัจจุบัน มีจิตใจพัฒนาอยู่เสมอ และดำเนินการลงมือทำจริงจัง

การนำไปใช้กับองค์กร

มีการพัฒนาพนักงาน 4 ระดับ

  • ระดับพนักงาน...      ทำงานโดยมีจิตสำนึกด้านคุณภาพ
  • ระดับหัวหน้าทีม...    สร้างพื้นฐานการทำงาน บรรยากาศของที่ทำงาน 
  • ระดับหัวหน้างาน...    จัดระเบียบสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน 
  • ระดับผู้จัดการส่วนผลิต...  ปฏิบัติงาน บริหารที่ทำงาน 

Monodzukuri